วันที่ 12 พฤษภาคม พรรคพลังประชารัฐจัดเวทีปราศรัยใหญ่พรรคพลังประชารัฐโค้งสุดท้าย ที่อาคารกีฬาเวสน์ 2 ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย-ญี่ปุ่น) เขตดินแดง นำโดยพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ นายวราเทพ รัตนากร คณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรค นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ประธานยุทธศาสตร์และการเมืองพรรค และนายสกลธี ภัททิยกุล กรรมการบริหารพรรค ท่ามกลางกองเชียร์ที่ร่วมให้กำลังใจอย่างคึกคัก
โดยกิมมิคหนึ่งของการปราศรัยพรรคพลังประชารัฐวันนี้ คือมีการฉาย VTR นโยบายต่างๆ ที่ออกแบบเป็นการวาดการ์ตูน และบางช่วงเป็นการ์ตูนแซว พล.อ.ประวิตร ด้วย ลักษณะเหมือน พล.อ.ประวิตร โต้ตอบกับคนที่มาถามคำถามต่างๆ เช่น มาแซวว่าลุงป้อมเดินไม่ไหว แล้วก็เป็นการ์ตูนลุงป้อม ตอบว่า “ผมเดินช้า ไม่ใช่เดินไม่ไหว” พร้อมย้ำว่า ตอนนี้ตัวเบา เพราะตัวคนเดียว และสุขภาพร่างกายก็แข็งแรง
ขณะที่บนเวทีปราศรัย นายสกลธี ภัททิยกุล ปราศรัยว่า หากเราก้าวข้ามความขัดแย้งไม่ได้ ต่อให้มีนโยบายดี หรือนักการเมืองคนไหนก็ไม่มีประโยชน์ ดังนั้นการก้าวข้ามความขัดแย้งจึงสำคัญ แต่ไม่ใช่การจับได้กับทุกคนทุกขั้ว แต่หมายถึงทำให้ประชาชนกลับมารักกันเหมือยนเดิม ฟังคนเห็นต่าง และอยู่ร่วมกันได้ ทั้งนี้แม้เราจะประกาศก้าวข้ามความขัดแย้งแต่ก็มีเส้นบางอย่างที่ก้าวข้ามไม่ได้คือชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ดังนั้นพรรคการเมืองใด กลุ่มการเมืองใดไม่เอาสถาบันเหล่านี้ หรือทำให้สั่นคลอน ถึงจะขัดแย้งก็ต้องขัดแย้ง เพราะเรายอมรับไม่ได้ ซึ่งเรื่องนี้ถือเป็นจุดยืนของพรรคพลังประชารัฐ
เลือกตั้ง 2566 : "บิ๊กป้อม"ยืดอกใช้เวลาชีวิตที่เหลือ หาทางออกประเทศ
เลือกตั้ง 2566 : "บิ๊กป้อม" ร่ายยาวจดหมายฉบับที่ 9 ถึง "การจัดตั้งรัฐบาล" พปชร.จะจับมือกับใครคำพูดจาก สล็อต888?
เลือกตั้ง 2566 : พลังประชารัฐ ลุยหาเสียงกรุงเก่า มั่นใจคนเลือก "บิ๊กป้อม"
เชื่อว่าหากคนไทยให้โอกาศลุงป้อม และพรรคพลังประชารัฐเป็นรัฐบาล จะสามารถรวมใจคนไทยผ่านทั้งเรื่องเศรษฐกิจและการเมืองไปได้ อย่างไรก็ตามประเทศเราไม่ใช่ของเล่นที่จะให้คนไม่มีประสบการณ์ คนหาเสียงด้วยความขัดแย้ง หรือครอบครัวใดครัวหนึ่ง เห็นประเทศเป็นเหมือนบริษัทหมุนเวียน พ่อไม่ได้เอาอาเอาหลานมาปกครองประเทศ เพราะประเทศไม่ใช่ของเล่น
นายสกลธี กล่าวอีกว่า การที่มีวาทกรรมรณรงค์ให้เลือกตั้งแบบมียุทธศาสตร์ เลือกให้ขาด แต่อยากให้เลือกด้วยหัวใจ ทั้งนี้ในการเลือกตั้งผู้ว่า กทม. ที่มีแคมเปญหนี่งที่ให้เลือกผู้สมัครอีกคนแทนตน ให้เทคะแนนให้คนนั้น เพราะมีสิทธิชนะมากกว่า แต่สุดท้ายแม้ตนจะแพ้แต่ได้คะแนนมากกว่าผู้สมัครคนนั้น เช่นกันกับการเลือกตั้งครั้งนี้จะเป็นเรื่องที่น่าเสียดายมากหากผู้สมัครของพรรคพลังประชารัฐ จะแพ้เลือกตั้งเพียงเพราะการเลือกตั้งแบบยุทธศาตร์ที่มีการรณรงค์อยู่ตอนนี้
โดย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ปราศรัยว่า วันนี้ถือเป็นวันสำคัญ เป็นวันปราศรัยบครั้งสุดท้าย โค้งสุดท้ายก่อนเลือกตั้งในวันที่ 14 พ.ค.นี้ ทั้งนี้ย้ำว่าทุกนโยบายที่เราหาเสียงไว้ ตนขอสัญญาว่าเราจะทำให้สำเร็จ เพราะตนเป็นบุคคลที่ไม่มีภาระใดๆ ไม่มีธุรกิจใดๆ ไม่มีผลประโยชน์แอบแฝง มีภารกิจเดียวและภารกิจสุดท้ายในชีวิตตนคือการตอบแทนบุญคุณแผ่นดิน สร้างความเจริญรุ่งเรืองให้ประเทศไทย ทั้งนี้ตลอด 8 ปีที่ผ่านมา ตนสามารถพูดคุยกับทุกคน รับฟังความเห็นต่างจากทุกฝ่ายอย่างไม่มีอัคติ โดยตลอดชีวิตมีหน้าที่ปกป้องประเทศจากศัตรูและภยันอันตราย ปกป้องชาติ ศาสนา พระมหากษัตริยื วันนี้เห็นแล้วว่าประเทศเรายังมีปัญหาอีกมาก ทั้งความยากจน และความขัดแย้ง ตนและพรรคพลังประชารัฐมุ่งมั่นเอาชนะปัญหาเหล่านี้ของประชาชนให้ได้
พล.อ.ประวิตร กล่าวอีกว่า ทุกนโยบายที่ตนรับปากประชาชน ตนจะทำหน้าที่นายกฯและทำทันที ขอให้ทุกคนเชื่อมั่นในการที่พรรคพลังประชารัฐจะร่วมกันทำงานเพื่อประชาชนทุกคน ขอให้เชื่อมั่นในตนว่าจะนำพาประเทศไปสู่ความเจริญรุ่งเรืองต่อไป ขอให้เลือกตนและพรรคพลังวประชารัฐประเทศชาติจะไม่วุ่นวาย เศรษฐกิจจะเดินหน้า ค้าขายจะเจริญรุ่งเรืองขึ้นๆไป ขอให้เลือกพรรคพลังประชารัฐ ทั้งผู้สมัครแบบเขตทุกเขตทั่วประเทศ เราจะก้าวข้ามความขัดแย้งไปด้วยกัน เพราะประเทศเราถ้าสงบความเจริญรุ่งเรืองจะเข้ามาในประเทศอย่างแน่นอน ขอให้ทุกคนก้าวข้ามความขัดแย้งไปด้วยกัน